ฉบับที่ ๕

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๒๕ - ๒๕๒๙)


        จากการที่ประเทศไทยได้ทำการพัฒนามาแล้ว ๒๐ ปี ปรากฏว่าเศรษฐกิจขยายตัวค่อนข้างสูงรายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนไทยเพิ่มขึ้น การผลิตมีการกระจายตัวอย่างกว้างขวางทั้งภาคเกษตรอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม บริการพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมขยายตัวกว้างขวางขึ้น แต่ ปรากฏว่ายังคงมีปัญหาสำคัญๆ หลายประการ  เช่น เรื่องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การใช้จ่ายเกินตัวทั้งของภาครัฐบาลและเอกชน โครงสร้างเศรษฐกิจอ่อนแอไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงรวมกันอยู่ในกรุงเทพฯ และพื้นที่ภาคกลางเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความยากจน และการกระจายรายได้ปัญหาสังคม และปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังขยายตัวและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ  ดังนั้น ในการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๕ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาประเทศเป็น แนวใหม่ เช่น

          -  แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๕ เป็นแผนนโยบายที่ยึดพื้นที่เป็นหลักในการพัฒนาและมีลักษณะทั้งในเชิงรับและเชิงรุก
          -  เน้นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงินการคลังของประเทศเป็นพิเศษพร้อมกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจแต่ละด้าน  และยอมให้เศรษฐกิจขยายตัวไม่สูงนัก แต่ต้องอยู่ในระดับที่จะไม่ก่อ ให้เกิดปัญหาการว่างงาน
          - เน้นความสมดุลในการพัฒนา โดยมุ่งเน้นการกระจายรายได้และการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค การกระจายการถือครองทรัพย์สิน และการสร้างความเป็นธรรมในสังคม
          - เน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนในชนบทล้าหลัง เพื่อให้คนในชนบทอยู่ในฐานะพออยู่-พอกิน มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ สามารถช่วยเหลือตนเองได้

          สำหรับเป้าหมายสำคัญๆ  ในแผนพัฒนาฯ  ฉบับที่ ๕ มีดังนี้

          - ให้เศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ ๖.๖  ต่อปี โดยภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๕ และ ๗.๖  ต่อปีตามลำดับ ส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๓ ต่อปี
          - ให้ดุลการค้าขาดดุลเฉลี่ยไม่เกินปีละ ๗๘,๔๐๐ ล้านบาท และขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเฉลี่ยไม่เกินปีละ ๕๓,๐๐๐  ล้านบาท
          - ลดอัตราการเพิ่มของประชากรไม่ให้เกินร้อยละ ๑.๕ ในปี ๒๕๒๙ และลดอัตราการไม่รู้หนังสือให้เหลือร้อยละ ๑๐.๕  ของประชากร
          - ขยายการศึกษาทุกระดับเพื่อรับนักเรียนเพิ่มคือ ระดับก่อนประถมศึกษาให้ได้ร้อยละ ๓๕.๔ ของประชากรในกลุ่มอายุมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และอุดมศึกษาร้อยละ ๔๘.๓, ๓๐.๙ และ ๔.๘ ของประชากรในกลุ่มอายุ
          - ขยายบริการการป้องกันโรคให้ครอบคลุมประชากรกลุ่มเป้าหมายร้อยละ ๗๐ และขจัดปัญหาการขาดโปรตีนแคลอรีของเด็กทารกและเด็กก่อนวัยเรียนระดับ3 ให้หมดไป
          - ลดปัญหาอาชญากรรมความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ ให้ต่ำกว่า ๗๕ราย ต่อประชากร ๑๐๐,๐๐๐ คน
          - แก้ไขปัญหาความยากจนในชนบทล้าหลังโดยเร่งเพิ่มผลผลิตให้เพิ่มขึ้นอีกโดยเฉลี่ยร้อยละ ๒ ต่อปี เร่งขยายและ
กระจายบริการทางด้านการศึกษาและสาธารณสุข เช่น จัดหาหนังสือประกอบการเรียนและจัดระบบบริการสาธารณสุข
มูลฐานให้ทั่วถึงใน ๒ ปี จัดบริการทางโภชนาการแก่เด็กและหญิงมีครรภ์๒.๒ ล้านคน

       
          สำหรับการพัฒนาในเชิงรุก ได้กำหนดเรื่องสำคัญที่จะดำเนินการคือ

          - เร่งพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ให้เป็นที่ตั้งอุตสาหกรรมหนักอุตสาหกรรมเบา อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ครบวงจร เพื่อเป็นการกระจายความเจริญ และเป็นฐานที่สำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
          -  เร่งพัฒนาการเกษตรในเขตเกษตรก้าวหน้า โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตแทนการขยายพื้นที่เพาะปลูกเร่งกระจายการผลิต และส่งเสริมให้เอกชนลงทุนด้านการผลิตในเขตเกษตรก้าวหน้า
          - เร่งปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยใช้มาตรการทางภาษีและสิ่งจูงใจต่างๆ เพื่อส่งเสริมการผลิตเพื่อส่งออก และการกระจายอุตสาหกรรมไปสู่ส่วนภูมิภาค เพื่อกระจายรายได้และความเจริญไปสู่พื้นที่ต่างๆ  ทั่วประเทศ

          ในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวอีก ค่าเงินดอลลาร์ผันผวนและราคาน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นตลอดเวลาในช่วงของแผนพัฒนาฯ  ฉบับที่ ๕ ประกอบกับประเทศอุตสาหกรรมใช้นโยบายกีดกันทางการค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คือ เศรษฐกิจขยายตัว เพียงร้อยละ ๕.๔ ต่อปี เพราะการผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรม การลงทุนและการส่งออกต่ำกว่าเป้าหมาย และเกิดการว่างงานประมาณ ๑ ล้านคนในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่รัฐบาลไทยค่อนข้างมีเสถียรภาพ มีการกำหนดนโยบายและมาตรการทางด้านการเงินการคลังที่ถูกต้อง เช่น  การลดค่าเงินบาท การณรงค์เพื่อการประหยัดใช้ของไทย และร่วมใจส่งออกฯลฯ ประกอบกับการค้นพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ส่งผลทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจมาได้ด้วยดี นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ ๒.๙ ส่วนการแก้ไขปัญหาความยากจนในชนบทล้าหลัง ก็สามารถช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายได้เป็นอย่างดี ในขณะที่สามารถลดอัตราการเพิ่มของประชากรใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้คือ  เหลือร้อยละ ๑.๗ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๙

         อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาบางประการโดยเฉพาะอย่างยื่งที่ดิน ๙๙.๘ ล้านไร่ ที่ยังขาดความอุดมสมบูรณ์ไม่เหมาะกับการเกษตร มีปัญหาเรื่องการบุกรุกทำลายป่า และประชาชนใน ๓,๘๒๔ หมู่บ้าน ยังขาดแคลนแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และ ๑๒,๖๗๘ หมู่บ้าน ยังมีปัญหาเรื่องน้ำกิน - น้ำใช้  นอกจากนี้ มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนเงินออม ทำให้จำเป็นต้องพึ่งทรัพยากรจากต่างประเทศมาลงทุน ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาเรื่องหนี้สิน ส่วนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายเพราะรัฐบาลจำเป็นต้องจำกัดขนาดของการลงทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินการคลังต่อไป

สถานีอนามัยเป็นบริการพื้นฐานทางด้านสาธารณสุขขั้นต้นสำหรับประชาชนในชนบท


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น