- แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๕ เป็นแผนนโยบายที่ยึดพื้นที่เป็นหลักในการพัฒนาและมีลักษณะทั้งในเชิงรับและเชิงรุก
- เน้นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงินการคลังของประเทศเป็นพิเศษพร้อมกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจแต่ละด้าน และยอมให้เศรษฐกิจขยายตัวไม่สูงนัก แต่ต้องอยู่ในระดับที่จะไม่ก่อ ให้เกิดปัญหาการว่างงาน
- เน้นความสมดุลในการพัฒนา โดยมุ่งเน้นการกระจายรายได้และการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค การกระจายการถือครองทรัพย์สิน และการสร้างความเป็นธรรมในสังคม
- เน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนในชนบทล้าหลัง เพื่อให้คนในชนบทอยู่ในฐานะพออยู่-พอกิน มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ สามารถช่วยเหลือตนเองได้
สำหรับเป้าหมายสำคัญๆ ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๕ มีดังนี้
- ให้เศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ ๖.๖ ต่อปี โดยภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๕ และ ๗.๖ ต่อปีตามลำดับ ส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๓ ต่อปี
- ให้ดุลการค้าขาดดุลเฉลี่ยไม่เกินปีละ ๗๘,๔๐๐ ล้านบาท และขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเฉลี่ยไม่เกินปีละ ๕๓,๐๐๐ ล้านบาท
- ลดอัตราการเพิ่มของประชากรไม่ให้เกินร้อยละ ๑.๕ ในปี ๒๕๒๙ และลดอัตราการไม่รู้หนังสือให้เหลือร้อยละ ๑๐.๕ ของประชากร
- ขยายการศึกษาทุกระดับเพื่อรับนักเรียนเพิ่มคือ ระดับก่อนประถมศึกษาให้ได้ร้อยละ ๓๕.๔ ของประชากรในกลุ่มอายุมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และอุดมศึกษาร้อยละ ๔๘.๓, ๓๐.๙ และ ๔.๘ ของประชากรในกลุ่มอายุ
- ขยายบริการการป้องกันโรคให้ครอบคลุมประชากรกลุ่มเป้าหมายร้อยละ ๗๐ และขจัดปัญหาการขาดโปรตีนแคลอรีของเด็กทารกและเด็กก่อนวัยเรียนระดับ3 ให้หมดไป
- ลดปัญหาอาชญากรรมความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ ให้ต่ำกว่า ๗๕ราย ต่อประชากร ๑๐๐,๐๐๐ คน
- แก้ไขปัญหาความยากจนในชนบทล้าหลังโดยเร่งเพิ่มผลผลิตให้เพิ่มขึ้นอีกโดยเฉลี่ยร้อยละ ๒ ต่อปี เร่งขยายและ
กระจายบริการทางด้านการศึกษาและสาธารณสุข เช่น จัดหาหนังสือประกอบการเรียนและจัดระบบบริการสาธารณสุข
มูลฐานให้ทั่วถึงใน ๒ ปี จัดบริการทางโภชนาการแก่เด็กและหญิงมีครรภ์๒.๒ ล้านคน
สำหรับการพัฒนาในเชิงรุก ได้กำหนดเรื่องสำคัญที่จะดำเนินการคือ
- เร่งพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ให้เป็นที่ตั้งอุตสาหกรรมหนักอุตสาหกรรมเบา อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ครบวงจร เพื่อเป็นการกระจายความเจริญ และเป็นฐานที่สำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
- เร่งพัฒนาการเกษตรในเขตเกษตรก้าวหน้า โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตแทนการขยายพื้นที่เพาะปลูกเร่งกระจายการผลิต และส่งเสริมให้เอกชนลงทุนด้านการผลิตในเขตเกษตรก้าวหน้า
- เร่งปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยใช้มาตรการทางภาษีและสิ่งจูงใจต่างๆ เพื่อส่งเสริมการผลิตเพื่อส่งออก และการกระจายอุตสาหกรรมไปสู่ส่วนภูมิภาค เพื่อกระจายรายได้และความเจริญไปสู่พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวอีก ค่าเงินดอลลาร์ผันผวนและราคาน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นตลอดเวลาในช่วงของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๕ ประกอบกับประเทศอุตสาหกรรมใช้นโยบายกีดกันทางการค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คือ เศรษฐกิจขยายตัว เพียงร้อยละ ๕.๔ ต่อปี เพราะการผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรม การลงทุนและการส่งออกต่ำกว่าเป้าหมาย และเกิดการว่างงานประมาณ ๑ ล้านคนในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่รัฐบาลไทยค่อนข้างมีเสถียรภาพ มีการกำหนดนโยบายและมาตรการทางด้านการเงินการคลังที่ถูกต้อง เช่น การลดค่าเงินบาท การณรงค์เพื่อการประหยัดใช้ของไทย และร่วมใจส่งออกฯลฯ ประกอบกับการค้นพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ส่งผลทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจมาได้ด้วยดี นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ ๒.๙ ส่วนการแก้ไขปัญหาความยากจนในชนบทล้าหลัง ก็สามารถช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายได้เป็นอย่างดี ในขณะที่สามารถลดอัตราการเพิ่มของประชากรใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้คือ เหลือร้อยละ ๑.๗ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๙
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาบางประการโดยเฉพาะอย่างยื่งที่ดิน ๙๙.๘ ล้านไร่ ที่ยังขาดความอุดมสมบูรณ์ไม่เหมาะกับการเกษตร มีปัญหาเรื่องการบุกรุกทำลายป่า และประชาชนใน ๓,๘๒๔ หมู่บ้าน ยังขาดแคลนแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และ ๑๒,๖๗๘ หมู่บ้าน ยังมีปัญหาเรื่องน้ำกิน - น้ำใช้ นอกจากนี้ มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนเงินออม ทำให้จำเป็นต้องพึ่งทรัพยากรจากต่างประเทศมาลงทุน ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาเรื่องหนี้สิน ส่วนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายเพราะรัฐบาลจำเป็นต้องจำกัดขนาดของการลงทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินการคลังต่อไป
![]() |
สถานีอนามัยเป็นบริการพื้นฐานทางด้านสาธารณสุขขั้นต้นสำหรับประชาชนในชนบท |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น