ในการวางแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๓ ได้มีการกำหนดทิศทางและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกแทนการนำเข้า และยกระดับรายได้ของประชาชน รวมทั้งสนับสนุนการมีงานทำ และแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของประชากรซึ่งสูงกว่าร้อยละ ๓.๒ ตลอดจนเน้นขยายการศึกษาและการสาธารณสุขให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และเป็นครั้งแรกที่ได้มีการบรรจุนโยบายประชากรไว้ในแผนพัฒนาฯ
ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๓
ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ผันผวนหลายประการ เช่น การที่สหรัฐอเมริกาลดค่าเงินดอลลาร์
ทำให้ไทยต้องลดค่าเงินบาทในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ วิกฤตการณ์น้ำมันในปี พ.ศ. ๒๕๑๖
ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้
ยังมีปัญหาการขาดเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศเพราะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง
ผลของการพัฒนาในระยะของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๓ ปรากฏว่า เศรษฐกิจขยายตัวในระดับต่ำกว่าเป้าหมายคือ ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ ๖.๕ รายได้เฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๕ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเช่นกัน และจากภาวะฝนแล้งในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ และ พ.ศ. ๒๕๑๙ ส่งผลกระทบต่อการผลิตภาคเกษตร แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมจะยังคงขยายตัวสูงในตอนต้นแผน แต่วิกฤตน้ำมันและการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบนำเข้าทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วงปลายแผนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ ๕.๕ ต่อปี ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อสูงคือ เฉลี่ยร้อยละ ๑๐.๘ ต่อปี การว่างงานในช่วงกลางของแผนสูงถึง ๘๐๐,๐๐๐ คนส่วนการแก้ปัญหาการกระจายรายได้และความเจริญยังไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะปัญหาการว่างงานและประชากรยังคงเพิ่มในอัตราสูง บริการพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมยังคงรวมกันอยู่ในส่วนกลาง และยังมีปัญหาด้านคุณภาพของบริการ ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงและขยายตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีบางเรื่องที่ประสบผลสำเร็จพอสมควร เช่น
การคมนาคมและขนส่งซึ่งกระจายเชื่อมโยงระหว่างแหล่งผลิตกับตลาดกว้างขวางยิ่งขึ้น
เสถียรภาพทางการเงินระหว่างประเทศดีขึ้น
ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศก็อยู่ในระดับสูง การท่องเที่ยว
รวมทั้งการส่งออกยังมีแนวโน้มค่อนข้างสดใส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น