ดังนั้น ในการจัดเตรียมวางแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้แทนจากทุกฝ่ายทุกสาขาอาชีพ จึงได้มีการระดมความคิดร่วมกันว่า การพัฒนาประเทศไทยในอนาคตควรเป็นอย่างไร เพื่อใคร และควรมีการพัฒนาแบบใด ทั้งนี้ได้ทำการทบทวนถึงผลการพัฒนาในระยะที่ผ่านมา ที่มีทั้งส่วนที่ประสบผลสำเร็จและส่วนที่เป็นปัญหา รวมทั้งการวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาที่พอสรุปได้ว่า เป็นเพราะการวางแผนและการพัฒนาในระยะที่ผ่านมาขาดการกำหนดเป้าหมาย หรือจุดหมายของประเทศในระยะยาวทำให้ต่างฝ่ายต่างดำเนินการ ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาในระยะที่ผ่านมามุ่งเน้นเฉพาะการเร่งรัดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ยุทธศาสตร์ของการพัฒนามุ่งเน้นที่จะขยายการผลิตด้านอุตสาหกรรมและส่งเสริมการส่งออก โดยใช้ความได้เปรียบทางทรัพยากรธรรมชาติที่มีอย่างเหลือเฟือ และแรงงานที่มีค่าจ้างต่ำเป็นปัจจัยในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อคน และคุณค่าของความเป็นมนุษย์เท่าที่ควร การพัฒนาที่เน้นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอาจเหมาะสมหรือสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศในขณะนั้น แต่อย่างไรก็ตาม อัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุที่มีมากขึ้น มิได้หมายความว่า คนไทยและสังคมไทยจะมีความสมบูรณ์พูนสุข หรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างทั่วถึง เพราะในขณะที่เศรษฐกิจก้าวหน้า แต่วิถีชีวิตที่ดีงามเรียบง่ายของสังคมไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงไป พร้อมๆ กับความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมความมั่นคงของครอบครัวและชุมชนคลายตัวลงปัญหาสังคมต่างๆ ขยายตัวและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดการพัฒนา จากเดิมที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นจุดมุ่งหมายหลักแต่เพียงอย่างเดียวเป็นการเน้นให้คนเป็นศูนย์กลางหรือเป้าหมายสุดท้ายของการพัฒนาเพราะคนเท่านั้นที่เป็นปัจจัยชี้ขาดถึงความสำเร็จของการพัฒนาในทุกเรื่อง โดยการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะช่วยทำให้คนมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของการพัฒนาอีกต่อไป รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการวางแผน จากการวางแผนแบบแยกส่วนรายสาขาเศรษฐกิจ หรือสังคมที่ขาดความเชื่อมโยงเกื้อกูลต่อกัน มาเป็นการพัฒนาแบบรวมส่วนหรือบูรณาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งเน้นที่จะให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมติดตามผล ร่วมปรับปรุงวิธีการดำเนินงาน และร่วมได้รับประโยชน์จากการพัฒนา การพัฒนาที่เน้นให้คนเป็นศูนย์กลางหรือเป้าหมายสุดท้ายของการพัฒนา เรียกอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นการพัฒนาของคน โดยคน และเพื่อคนซึ่งจะทำให้การพัฒนาประเทศไทยก้าวเข้าสู่การพัฒนาที่พึงปรารถนาในระยะยาว คือ เศรษฐกิจดี สังคมไม่มีปัญหา และการพัฒนายั่งยืน
การพัฒนาเพื่อให้คนไทยส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหรืออยู่ดีมีสุข จะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการพัฒนา หรือยุทธศาสตร์การพัฒนาใหม่โดยจะต้องทำการพัฒนาทั้งที่ "ตัวคน" อย่างเต็มศักยภาพ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา เพื่อให้เป็นคนที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ สามารถกำหนดทิศทางการพัฒนารู้จักตัวเอง รู้เท่ากันโลก มีศักยภาพที่จะปรับตัวเองให้อยู่ในสังคมอย่างมีคุณค่าตลอดทุกช่วงวัยของชีวิต ควบคู่กับพัฒนาสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวคนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมการบริหารจัดการ ฯลฯ ให้เอื้อตอการพัฒนาคน
สำหรับเป้าหมายสำคัญๆ ของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ มีดังนี้
- เตรียมความพร้อมทุกด้านของเด็กปฐมวัย (๐ - ๕ ปี) อย่างมีคุณภาพขยายโอกาสทางการศึกษาขึ้นพื้นฐานเป็น ๙ ปี แก่เด็กในวัยเรียนทุกคนและเตรียมขยายการศึกษาพื้นฐานเป็น ๑๒ ปี
- ยกระดับทักษะฝีมือและความรู้พื้นฐานแก่แรงงานในสถานประกอบการ โดยให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกต่อกลุ่มแรงงานอายุ ๒๕ - ๔๕ ปี
- ให้ผู้ด้อยโอกาสทุกประเภทได้รับโอกาสการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ และได้รับบริการพื้นฐานทางสังคมอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง
- รักษาอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างมีเสถียรภาพ โดยรักษาอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยให้
อยู่ในระดับ ๔.๕ ต่อปี
- ลดสัดส่วนคนยากจนของประเทศให้เหลือน้อยกว่าร้อยละ ๑๐ ในช่วงของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘
เพื่อที่จะให้บรรลุถึงเป้าหมายของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ และจุดหมายหลักของการพัฒนาประเทศตามแนวคิดและทิศทางใหม่ ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สำคัญๆ ไว้ ๗ ยุทธศาสตร์ คือ
๑) การพัฒนาศักยภาพของคน ประกอบด้วยแนวทางการส่งเสริมให้ประะเทศมีโครงสร้างประชากรที่เหมาะสม และมีการกระจายตัวของประชากรที่สอดคล้องกับศักยภาพและโอกาสการพัฒนาในแต่ละพื้นที่ของประเทศ การปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้ด้านการพัฒนาจิตใจให้เกิดผลในทางปฏิบัติ การพัฒนาสติปัญญาและทักษะฝีมือแรงงานให้คนไทยทุกคนมีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงขึ้นในกระบวนการผลิต และสามารถปรับตัวได้กับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมรวมทั้งการพัฒนาสุขภาพและพลานามัย ที่มุ่งเสริมสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า และมีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันโรค
๒) การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาคน ประกอบด้วยแนวทางการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวในชุมชน การสร้างโอกาสให้คน ครอบครัว ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองและสังคม การพัฒนาระบบความมั่นคงทางสังคมเพื่อสร้างหลักประกันด้านต่างๆ แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง การเสริมสร้างขีดความสามารถในระบบอำนวยความยุติธรรม และระบบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน และการส่งเสริมให้วัฒนธรรมมีบทบาทในการพัฒนาคนและประเทศให้สมดุลและยั่งยืน
๓) การเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาของภูมิประเทศและชนบทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง ประกอบด้วยแนวทางการกระจายโอกาสและความเจริญด้วยการพัฒนาพื้นที่ในภูมิภาค การพัฒนาการมีส่วนร่วมในการพัฒนและการกระจายการพัฒนาด้วยการเพิ่มศักยภาพขององค์กรชุมชน การสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้และขยายเครือข่ายการเรียนรู้ของชุมชนการเสริมสร้างโอกาสการพัฒนาเพื่อสร้างอาชีพและการมีงานทำด้วยการส่งเสริมบทบาทของภาคธุรกิจเอกชนและองค์กรพัฒนาเอกชน การกระจายกิจกรรมทางเศรษฐกิจและบริการทางสังคม การแก้ไขปัญหาและรักษาสภาพแวดล้อมเมือง การบริหารจัดการงานพัฒนาในลักษณะพหุภาคี ทั้งในงานพัฒนาทั่วไปและในระดับพื้นที่
๔) การพัฒนาสมรรถนะทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิต ประกอบด้วยแนวทาง
การเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง และเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ การปรับโครงสร้างการผลิตให้เข็มแข็งเพื่อให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเป็นฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดจนการพัฒนาพื้นที่ชุมชนและบริการโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับคุณภาพชีวิต
๕) การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยแนวทางการบริหารจัดการเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้มีความสมบูรณ์ เกิดความสมดุลต่อระบบนิเวศวิทยา รวมทั้งการดูแลรักษาสภาวะแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและเป็นฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว การจัดระบบการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมให้เกิดการใช้ประโยชน์และควบคุมดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดสรรอย่างเป็นธรรม เป็นประโยชน์ต่อสังคมและชุมชนอย่างแท้จริง รวมทั้งการบริหารจัดการเพื่อป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากธรรมชาติ
๖) การพัฒนาประชารัฐ เป็นการพัฒนาภาครัฐให้มีสมรรถนะและพันธกิจหลัก ในการเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถนะของคน ทำใหคนในสังคมเป็นพันธมิตรกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและมีส่วนร่วมนการพัฒนาประเทศซึ่งประกอบด้วย แนวทางการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างหลักนิติธรรมในการบริหารรัฐกิจ การจัดการแก้ไขความขัดแย้งในสังคมด้วยสันติวิธี สนับสนุนให้ประชาชนในทุกส่วนของสังคมมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะของภาครัฐ เพิ่มพูนประสิทธิผลและประสิทธิภาพภาครัฐ ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบราชการตลอดจนการสร้างความต่อเนื่องในงานบริหารรัฐกิจ โดยการสร้างความ
รู้ความเข้าใจด้านนโยบายสาธารณะและการกำหนดระเบียบวาระแห่งชาติ
๗) การบริหารจัดการเพื่อให้มีการนำแผนพัฒนาฯ ไปดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติประกอบด้วยแนวทางการแปลงแผนสู่การปฏิบัติด้วยระบบการจัดการในระดับพื้นที่ตามภารกิจของหน่วยราชการและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายในสังคม การพัฒนากลไกของรัฐในการปฏิบัติงานการเร่งรัดพัฒนาระบบกฏหมายให้เป็นไปในแนวทางของระบบกฏหมายมหาชน เพื่อเอื้ออำนวยต่อการจัดการให้มีกฏหมายรองรับแผนพัฒนาฯได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคีเพื่อการพัฒนา การเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานกลางในการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ การพัฒนาสมรรถนะกลไกนอกภาครัฐ และการติดตามและประเมินผล โดยมีการจัดทำดัชนีชี้วัดผลของการพัฒนาแบบองค์รวม
![]() |
| ความเจริญเติบโตทางวัตถุส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของคนไทย |
เนื่องจากในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งเป็นสุดท้ายของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๗ และปีพ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งเป็นปีแรกของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ ประเทศไทยต้องประสบปัญหาหลายประการ เช่น ปัญหาวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่เรียกว่าฟองสบู่แตกค่าเงินบาทผันผวนปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาการว่างงาน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เกิดปัญหาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวคน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคน ทำให้คนเดือดร้อน ซึ่งสืบเนื่องมาจากสาเหตุทั้งภายในประเทศ และจากภายนอกประเทศ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ เป็นการด่วนเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยในการปรับแผนยังคงยืดแนวคิด วัตถุประสงค์ และทิศทางตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ คือ ยังมุ่งเน้นที่จะให้คนเป็นศูนย์กลาง หรือเป้าหมายสุดท้ายของการพัฒนาต่อไป ทั้งนี้โดยคำนึงถึงข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมุ่งเน้นการระดมและใช้ทรัพยากรจากทุกส่วนในสังคมมาใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาประเทศ
สำหรับการปรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ จะมีทั้งการเร่งดำเนินการในเรื่องสำคัญฯที่ปรากฏอยู่ในแผนแล้ว พร้อมทั้งการปรับปรุงและเพิ่มเติมในบางเรื่องที่เป็นปัญหา ซึ่งหากปล่อยไว้จะกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนและกระทบต่อการพัฒนาในระยะยาว ซึ่งมีอยู่ ๔ เรื่อง คือ
๑. การปรับกรอบเศรษฐกิจมหภาคและแนวทางการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการปรับเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของแผนใหม่ปรับกรอบการลงทุนของประเทศให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และให้ความสำคัญกับการดูแลภาวะค่าครองชีพให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การรักษาระเบียบวินัยการคลัง สร้างความเข้มแข็งของระบบการเงิน ส่งเสริมการออมในประเทศ และเร่งรัดหารายได้เงินตราต่างประเทศ
๒. การพัฒนาคนและสังคม เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเร่งแก้ไขปัญหาการว่างงาน พัฒนาและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และการป้องกันแก้ไขปัญหาทางสังคม ซึ่งเกิดจากวิกฤตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเร่งพัฒนากลไกการบริหารจัดการ และปูพื้นฐานการพัฒนาคนและสังคมในระยะยาวโดยมีแนวทางสำคัญ ได้แก่
- เร่งการเสริมสร้างอาชีพและการมีงานทำ เพื่อลดปัญหาการว่างงานและการกระจายรายได้ทั้งในเมืองและชนบท เช่น เร่งบรรจุงานใหม่ให้ผู้ถูกเลิกจ้าง สนับสนุนแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ อาชีพบริการและการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่
- เร่งช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส (ผู้ว่างงาน เด็กในภาวะลำบาก ผู้สูงอายุที่ยากจน และคนพิการ) เช่น นำเงินกองทุนเพื่อพัฒนาสังคมมาใช้ประโยชน์ สนับสนุนการเรียนต่อของนักเรียน สร้างเครือข่ายในการลดปัญหาสุขภาพจิตและโรคเครียด
- เร่งป้องกัน- แก้ไขปัญหาสังคม เช่น ขยายงานด้านชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด และอาชญากรรมในพื้นที่ที่มีปัญหาและแหล่งท่องเที่ยวการผนึกกำลังจากทุกฝ่ายในสังคมเพื่อเสริมสร้างค่านิยมอันดีงาม
๓. เร่งดำเนินการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรากฐานการผลิตของประเทศให้เข้มแข็งและมั่นคง เช่น
- ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากการผลิตที่ใช้แรงงานมากมูลค่าเพิ่มต่ำไปสู่การผลิตที่ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น
- สร้างการเชื่อมโยงรากฐานการผลิตที่สำคัญของประเทศคือ การเกษตรอุตสาหกรรม และบริการ ด้วยการพัฒนาระบบเทคโนโลยีและกำลังคน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในเวทีโลก
- เพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยให้เร่งจัดทำแผนแม่บท ตลอดจนการจัดตั้งองค์กรบริหารนโยบายการเพิ่มบทบาทภาคเอกชน
๔. เร่งปรับระบบบริหารราชการเพื่อการพัฒนาประเทศ เช่น
- ลดบทบาทภาครัฐและเร่งปฏิรูประบบบริหารราชการให้มีโครงสร้างและขนาดกำลังคนที่เหมาะสม มีการบริหารที่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การปกครองที่ดี เป็นธรรมและโปร่งใส
- เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการงบประมาณ โดยจัดลำดับความสำคัญและทบทวนเกณฑ์การพิจารณาโครงการ
- เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญใหม่และกระบวนการประชาสังคมในระดับต่างๆ และกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
- จัดตั้งศูนย์ข้อมูลเตือนภัยทางเศรษฐกิจล่วงหน้า และพัฒนาเครื่องชี้วัดและระบบติดตามประเมินผลฯลฯ
สำหรับการปรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ จะมีทั้งการเร่งดำเนินการในเรื่องสำคัญฯที่ปรากฏอยู่ในแผนแล้ว พร้อมทั้งการปรับปรุงและเพิ่มเติมในบางเรื่องที่เป็นปัญหา ซึ่งหากปล่อยไว้จะกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนและกระทบต่อการพัฒนาในระยะยาว ซึ่งมีอยู่ ๔ เรื่อง คือ
๑. การปรับกรอบเศรษฐกิจมหภาคและแนวทางการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการปรับเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของแผนใหม่ปรับกรอบการลงทุนของประเทศให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และให้ความสำคัญกับการดูแลภาวะค่าครองชีพให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การรักษาระเบียบวินัยการคลัง สร้างความเข้มแข็งของระบบการเงิน ส่งเสริมการออมในประเทศ และเร่งรัดหารายได้เงินตราต่างประเทศ
๒. การพัฒนาคนและสังคม เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเร่งแก้ไขปัญหาการว่างงาน พัฒนาและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และการป้องกันแก้ไขปัญหาทางสังคม ซึ่งเกิดจากวิกฤตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเร่งพัฒนากลไกการบริหารจัดการ และปูพื้นฐานการพัฒนาคนและสังคมในระยะยาวโดยมีแนวทางสำคัญ ได้แก่
- เร่งการเสริมสร้างอาชีพและการมีงานทำ เพื่อลดปัญหาการว่างงานและการกระจายรายได้ทั้งในเมืองและชนบท เช่น เร่งบรรจุงานใหม่ให้ผู้ถูกเลิกจ้าง สนับสนุนแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ อาชีพบริการและการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่
- เร่งช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส (ผู้ว่างงาน เด็กในภาวะลำบาก ผู้สูงอายุที่ยากจน และคนพิการ) เช่น นำเงินกองทุนเพื่อพัฒนาสังคมมาใช้ประโยชน์ สนับสนุนการเรียนต่อของนักเรียน สร้างเครือข่ายในการลดปัญหาสุขภาพจิตและโรคเครียด
- เร่งป้องกัน- แก้ไขปัญหาสังคม เช่น ขยายงานด้านชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด และอาชญากรรมในพื้นที่ที่มีปัญหาและแหล่งท่องเที่ยวการผนึกกำลังจากทุกฝ่ายในสังคมเพื่อเสริมสร้างค่านิยมอันดีงาม
๓. เร่งดำเนินการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรากฐานการผลิตของประเทศให้เข้มแข็งและมั่นคง เช่น
- ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากการผลิตที่ใช้แรงงานมากมูลค่าเพิ่มต่ำไปสู่การผลิตที่ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น
- สร้างการเชื่อมโยงรากฐานการผลิตที่สำคัญของประเทศคือ การเกษตรอุตสาหกรรม และบริการ ด้วยการพัฒนาระบบเทคโนโลยีและกำลังคน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในเวทีโลก
- เพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยให้เร่งจัดทำแผนแม่บท ตลอดจนการจัดตั้งองค์กรบริหารนโยบายการเพิ่มบทบาทภาคเอกชน
๔. เร่งปรับระบบบริหารราชการเพื่อการพัฒนาประเทศ เช่น
- ลดบทบาทภาครัฐและเร่งปฏิรูประบบบริหารราชการให้มีโครงสร้างและขนาดกำลังคนที่เหมาะสม มีการบริหารที่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การปกครองที่ดี เป็นธรรมและโปร่งใส
- เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการงบประมาณ โดยจัดลำดับความสำคัญและทบทวนเกณฑ์การพิจารณาโครงการ
- เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญใหม่และกระบวนการประชาสังคมในระดับต่างๆ และกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
- จัดตั้งศูนย์ข้อมูลเตือนภัยทางเศรษฐกิจล่วงหน้า และพัฒนาเครื่องชี้วัดและระบบติดตามประเมินผลฯลฯ
เพื่อที่จะให้แผนพัฒนาที่ปรับปรุงบังเกิดผลในทางปฏิบัติต่างจริงจัง จึงได้มีการกำหนดให้องค์กรหรือกลไกที่มีอยู่ เช่น คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ คณะกรรมการบรรเทาปัญหาการว่างงาน คณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น ฯลฯ เพื่อประสานการจัดทำแผนปฏิบัติการในเรื่องสำคัญๆ ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น